วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

นาร์เนียภาค 3 ยังไม่มืดมน


>>>นาร์เนียภาค 3 ยังไม่มืดมน<<<



เมื่อปี 2005 ดิสนีย์ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการนำนิยายแฟนตาซีคลาสสิคของ ซี.เอส. ลูอิส The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch , and the Wardrobe มาขึ้นจอใหญ่เป็นเล่มแรก หนังทำรายได้ในอเมริกาไปถึง 291 ล้านเหรียญ และทั่วโลก 745 ล้านเหรียญ กลายเป็นความหวังใหม่ของดิสนีย์ที่จะมีแฟรนไชส์ภาคต่อมาโกยเงินให้สตูดิโอในระดับเดียวกับ Harry Potter ของวอร์เนอร์


แต่ทันทีที่ The Chronicles of Narnia: Prince Caspian เรื่องที่สองของหนังชุดนี้ เข้าฉายไปเมื่อช่วงปลายปี 2008 ที่ผ่านมา แล้วทำเงินในอเมิกาไปเพียง 141 ล้านเหรียญ และทั่วโลก 419 ล้านเหรียญ ซึ่งดูตัวเลขแล้วอาจจะไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่เมื่อเทียบกับภาคแรกแล้วถือว่าลดลงครึ่งนึงเลยทีเดียวดิสนีย์ก็เลยบอกว่า ไม่เอาด้วยแล้ว


อันที่จริงเรื่องนี้มีเบื้องหลังมากกว่าที่เห็นว่าทำไมดิสนีย์ถึงมองว่าถ้าสร้างต่อไปยังไงก็ไม่คุ้มทุนแม้ว่าสถานการณ์ของแฟรนไชส์ชุดนี้ยังไม่ถึงกับหมดอนาคตเหมือนอย่าง The Golden Compass ก็ตาม


หลังจากที่ Narnia ภาคแรกทำรายได้ถล่มทลาย ฟิล แอนส์ชูซ ประธานของบริษัท วอลเดน มีเดีย ผู้สร้างหนังจากนิยายชุดนี้ ก็ออกมาเล่นแง่กับทางดิสนีย์บอกว่าหนังทำรายได้ไปมากขนาดนี้ ก็ขอส่วนแบ่งรายได้การจัดจำหน่ายเพิ่มให้กับทางวอลเดน มีเดีย หน่อยพร้อมยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ยอมตกลง ภาคต่อไปวอลเดนจะขอจัดจำหน่ายเองซะเลย เพราะแอนส์ชูซ เองก็มีเส้นสายในเครือข่ายโรงหนังของอเมริกาอยู่ไม่น้อย


ตอนแรกดิสนีย์ก็กระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงเจรจาสัญญาใหม่ เพราะดิสนีย์คงไม่อยากปล่อยให้หนังภาคต่อ (ที่มีแววจะ) หรงคุณค่าเรื่องรี้หลุดมือไปแน่นอนถึงแม้ว่าจะตกลงกันได้ แต่มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองบริษัทเริ่มระหองะแหง โดยเฉพาะเมื่อดิสนีย์ตัดสินใจฉาย Prince Caspian ในช่วงซัมเมอร์ แทนที่จะเป็นช่วงปลายปีเหมือนภาคแรก ซึ่งวอลเดน คิดว่าเหมาะกว่าสำหรับหนังประเภทนี้
ทีนี้เมื่อ Prince Caspian ทำเงินน้อยกว่าที่คาดหวังกันไว้ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ความซวยเลยมาเยือนวอลเดน (ที่ช่วงหลังๆ ก็มีหนังเจ๊งบ่อย) เมื่อดิสนีย์ประกาศไม่ขอมีเอี่ยวกับ The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader เล่มต่อไปที่วอลเดนวางแผนจะนำมาขึ้นจอ ซึ่งทุนสร้างน่าจะทะลุหลัก 200 ล้านเหรียญแน่นอน


แต่อย่างที่บอกว่า Narnia ยังไม่มืดมนเสียทีเดียว เพราะถึงแม้ไม่มีดิสนีย์แล้ว แต่วอลเดน ก็ยังคงเดินหน้าหาสตูดิโอเจ้าใหม่ต่อไป ซึ่งคาดว่าคงจะประกาศออกมาเร็วๆนี้


***เพราะฉะนั้น NarNiA ของเรายังมีหวัง**


* อ้างอิง : นิติยสาร FILMAX

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ23 ตุลาคม 2552 เวลา 19:22

    หุหุ ชอบหนังเรื่องนี้ ดูแล้วสนุกดี มีvcdก็ดูไปหลายรอบเหมือนกัน

    ภาค3 จะออก 2010

    ต้องรอต่อไป

    ตอบลบ
  2. หนังเรื่องนี้สนุกมากคะ ชอบมาก ติดตามหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว อยากให้ทำหนังต่อไปค่ะ จะรอดูภาค3นะค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ14 มีนาคม 2553 เวลา 03:08

    นาร์เนียคลับ

    http://the-pevensies.webs.com/

    http://narniaclubs.webs.com/

    ตอบลบ